Market Structure คืออะไร?
Market Structure คือโครงสร้างของตลาด โดยโครงสร้างของตลาดนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่เทรดเดอร์ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในตลาด ควรที่จะรู้เป็นอย่างยิ่ง เพราะโครงสร้างของตลาดสามารถบ่งบอกการเคลื่อนไหวในขณะนั้นของตลาดได้ และการที่เราได้รู้ถึงโครงสร้างของตลาดแล้วเราก็จะเข้าใจว่าในตอนนั้นๆตลาดกำลังมีพฤติกรรมอะไรอยู่
ซึ่งข้อดีนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เราตามทันการเคลื่อนไหวของตลาดได้เพียงอย่างเดียว แต่มันจะช่วยให้เราสามารถคาดเดาทิศทางของตลาดในอนาคตได้อีกด้วย สำหรับเทรดเดอร์ที่เพิ่งเข้ามาในตลาด Market Structure นี้เป็นบทเรียนแรกที่สำคัญที่ควรจะต้องรู้ก่อนเข้าไปทำกำไรในตลาดเลยครับ
ตลาดแบ่งออกเป็น 3 เทรนด์
การเคลื่อนไหวของตลาดจะแบ่งออกเป็น 3 หลักๆ ซึ่งเทรนด์ทั้งหมดนี้จะบ่งบอกถึงพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของตลาด โดยจะมีเทรนด์ขาขึ้น (Up trend) เทรนด์ขาลง (Down trend) และไม่เป็นเทรนด์
เทรนด์ขาขึ้น (Up trend)
ลักษณะของกราฟในเทรนด์ขาขึ้น กราฟจะมีลักษณะยกตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ กราฟมีการทำราคาที่สูงขึ้นคือมีการทำจุดสูงสุด (Higher High) ใหม่เรื่อยๆและกราฟมีการยกราคาต่ำสุดให้สูงขึ้นตามไปด้วย (Higher Low)
เทรนด์ขาลง (Down trend)
ลักษณะของกราฟในเทรนด์ขาลง กราฟจะมีลักษณะย่อตัวต่ำลงเรื่อยๆ กราฟมีการทำราคาที่ต่ำลงก็คือมีการทำจุดต่ำสุด (Lower Low) ใหม่เรื่อยๆและกราฟมีการยกราคาสูงสุดให้ต่ำลงตามไปด้วย (Lower High)
ไม่เป็นเทรนด์ (Sideway)
ลักษณะของกราฟในช่วงที่ไม่มีเทรนด์ กราฟจะมีลักษณะวิ่งออกด้านข้างหรือวิ่งอยู่ภายในกรอบราคาโดยจะไม่มีการทำจุดต่ำสุด หรือจุดสูงสุดใหม่
ทำความเข้าใจ 2 พฤติกรรมของตลาด
หลังจากที่กราฟราคาเกิดเทรนด์ต่างๆขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งแล้ว กราฟราคาจะมีการแสดงพฤติกรรมที่จะบ่งบอกถึงการกลับหรือการไปต่อของเทรนด์นั้นๆ ซึ่งพฤติกรรมที่แอดจะมาพูดถึงนั้นก็คือ BoS และ CHoCH ที่เทรดเดอร์มืออาชีพหลายๆคนใช้ในการสื่อสารและใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของกราฟราคานั่นเองครับ
BoS หรือ Break of Structure เป็นพฤติกรรมของราคาที่มีการทำลายโครงสร้างกราฟไปในทิศทางเดิม ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังเป็นเทรนด์ใดเทรนด์หนึ่งอยู่ แล้วราคามีการพุ่งทะลุจุดสูงสุด หรือจุดต่ำสุดไป เพื่อสร้างราคาที่สูงที่สุด หรือสร้างราคาที่ต่ำที่สุดใหม่
CHoCH หรือ Change Of Character เป็นพฤติกรรมของราคาเช่นกัน แต่จะแตกต่างตรงที่กราฟมีการทำลายโครงสร้างไปในทิศทางใหม่ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังจะเกิดการกลับตัวจากขาขึ้นไปเป็นขาลง หรือจากขาลงไปเป็นขาขึ้น โดยหลังจากที่กราฟกำลังเป็นเทรนด์ใดเทรนด์หนึ่งอยู่นั้น ราคาได้มีการพุ่งทะลุลงมา หรือทะลุขึ้นไปจนทำลายโครงสร้างเดิมของเทรนด์นั้น
เช่น กราฟเป็นเทรนด์ขาขึ้น มีการทำ Higher High และ Higher Low สูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นกราฟเกิดปรับตัวลงมาจนสร้าง Lower Low ที่ทะลุราคา Higher Low เดิม เป็นการบ่งบอกถึงกราฟกำลังเกิด CHoCH ปรับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
รู้จักเทรนด์หลักเทรนด์รองเพื่อหาจุดเข้า
หลังจากที่รู้จักกับโครงสร้างตลาดและพฤติกรรมของตลาดกันไปแล้วสิ่งสุดท้ายที่แอดอยากให้รู้นั่นก็คือการแบ่งเทรนด์กราฟให้เป็นก่อนการเทรด เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์ได้อย่างแม่นยำ โดยการแบ่งเทรนด์กราฟมี 2 รูปแบบคือ major minor
major คือเทรนด์หลักที่เทรดเดอร์จะใช้ในการการสังเกตกราฟจากเทรนด์ใหญ่ๆ เพื่อดูภาพรวมของตลาดว่าตลาดกำลังมีแนวโน้มอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อเรารู้แนวโน้มภาพรวมของตลาดในขณะนั้นแล้ว เทรดเดอร์ก็จะใช้ minor หรือเทรนด์รองเพื่อเข้าไปดูรายละเอียดของกราฟ ว่ากำลังมีพฤติกรรมอะไรอยู่ เพื่อให้เทรดเดอร์ได้วิเคราะห์และเข้าออเดอร์ได้อย่างถูกต้อง